นักดาราศาสตร์ พบ “สัญญาณวิทยุประหลาด” จากใจกลางกาแล็กซี
ข้อมูล จาก เฟชบุ๊ก สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ โดยดร. กิติยานี อาษานอก นักวิจัยชำนาญการ สดร. และ ดร. มติพล ตั้งมติธรรม นักวิชาการ ดาราศาสตร์ สดร. ได้โพสต์ เรื่อง นักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
และทีมวิจัย ค้นพบ สัญญาณวิทยุประหลาด จากวัตถุที่มีชื่อว่า ASKAP J173608.2−321635 ตั้งอยู่ประมาณ 4° จากใจกลางทางช้างเผือก โดยการศึกษาผ่านเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์วิทยุ ASKAP VAST (Australian Square Kilometre Array Pathfinder Variables and Slow Transients)
และกล้องโทรทรรศน์วิทยุ MeerKAT ของประเทศแอฟริกาใต้ สัญญาณดังกล่าวไม่สอดคล้องกับวัตถุใดที่เคยค้นพบ และอาจเป็นไปได้ว่ายังไม่เคยมีการค้นพบมาก่อนอีกด้วย
สำหรับชื่อ J173608.2-321635 นั้น เรียกตามตำแหน่งการค้นพบของเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์วิทยุ ASKAP VAST ซึ่งตรวจหาไม่พบในช่วงแรก แต่ต่อมาพบว่ามีความเข้มสัญญาณสูงขึ้นแล้วจางหายไป และกลับมามีความเข้มของสัญญาณสูงอีกครั้ง ทีมวิจัยสามารถตรวจจับสัญญาณวิทยุจากแหล่งกำเนิดดังกล่าวได้ทั้งสิ้น 6 ครั้ง
ในช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายน ในปี ค.ศ. 2020 นอกจากนี้ ยังได้พยายามติดตามสังเกตการณ์ในช่วงคลื่นอื่นด้วย เช่น ใช้กล้องโทรทรรศน์สังเกตการณ์ในช่วงอินฟาเรดที่ตามองเห็น ไปจนถึงรังสีเอกซ์ และใช้กล้องโทรทรรศน์วิทยุ Parkes ประเทศออสเตรเลีย แต่ก็ไม่สามารถตรวจจับสัญญาณได้
ท้ายที่สุดได้ตัดสินใจใช้กล้องโทรทรรศน์ที่ไวต่อการตอบสนองสัญญาณที่ดีกว่า เรียกว่า เครือข่ายกล้องโทรทรรศน์วิทยุ MeerKAT ในประเทศแอฟริกาใต้ จึงสามารถตรวจจับสัญญาณประหลาดนี้ได้ แต่พบว่ามีพฤติกรรมเปลี่ยนไปอย่างมาก นั่นคือ สัญญาณหายไปเป็นวัน ทั้งที่เคยตรวจจับได้ว่าปรากฏเป็นเวลายาวนานติดกันหลาย ๆ สัปดาห์จากการใช้กล้อง ASKAP VAST สังเกตการณ์ก่อนหน้านี้
สัญญาณประหลาดนี้ให้ค่าโพลาไรเซชันที่สูงมาก ปกติแล้วคลื่นวิทยุเกิดจากการส่ายของสนามแม่เหล็ก ซึ่งสามารถส่ายในแนวใดก็ได้ แต่คลื่นวิทยุจากวัตถุปริศนานี้เป็นแสงที่มีทิศทางชัดเจนไปในทิศทางเดียว บ่งชี้ว่าวัตถุที่กำเนิด หรือสภาพแวดล้อมรอบวัตถุที่กำเนิดคลื่นนี้อาจจะมีสนามแม่เหล็กที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก
อาจจะสอดคล้องกับวัตถุเช่น ดาวนิวตรอนที่มีสนามแม่เหล็กอันทรงพลัง อย่างไรก็ตาม ดาวนิวตรอนประเภทนี้โดยทั่วไปนั้นมักจะมาพร้อมกับการเปล่งแสงในช่วงแกมมาหรือเอกซเรย์ที่สว่าง ซึ่งไม่พบในกรณีนี้
.
ที่มา : news.trueid.net/detail/7xAPPMJpRmeV , เฟชบุ๊ก สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ